แอนจ์ พอสเตโคกลู กับดราม่าคาราบาว คัพ ความเห็นต่อกฎและจังหวะการตัดสินสำคัญ

แอนจ์ พอสเตโคกลู หัวหน้าผู้ฝึกสอนของท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ เปิดเผยความคิดเห็นเกี่ยวกับจังหวะดราม่าที่เกิดขึ้นในเกมคาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรกที่พบกับลิเวอร์พูล ซึ่งลูกทีมของเขาสามารถเฉือนเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 โดยได้ประตูชัยจาก เดยัน เบิร์กวัลล์ ในนาทีที่ 86

ในช่วงก่อนที่เบิร์กวัลล์จะยิงประตูชัย เกิดจังหวะปะทะระหว่างเขากับคอสตาส ซิมิกาส กองหลังลิเวอร์พูล ซึ่งผู้เล่นทีมเยือนมองว่า เบิร์กวัลล์ควรถูกแจกใบเหลืองใบที่สองจนโดนไล่ออกจากสนาม อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสินปล่อยให้เกมดำเนินต่อเนื่อง เพราะลิเวอร์พูลยังคงได้เปรียบในการเล่น และจังหวะดังกล่าวจบลงด้วยการยิงไกลของ ไรอัน กราเฟนแบร์ค ที่ถูกนายทวารสเปอร์สเซฟไว้ได้ ขณะที่ซิมิกาสต้องออกไปปฐมพยาบาลนอกสนาม ในช่วงเวลาที่ลิเวอร์พูลเหลือผู้เล่นในสนามไม่ครบ ท็อตแน่มใช้โอกาสนี้สร้างเกมสวนกลับ โดมินิค โซลันกี้ ชิงจังหวะครองบอลก่อนส่งต่อให้เบิร์กวัลล์ซัดเข้าประตูอย่างเฉียบคม

แฟนบอลลิเวอร์พูลจำนวนมากไม่พอใจกับจังหวะนี้ โดยมองว่าประตูของสเปอร์สไม่ควรเกิดขึ้น เนื่องจากเบิร์กวัลล์ควรถูกไล่ออกก่อนหน้านั้น อย่างไรก็ตาม แอนจ์ พอสเตโคกลู อธิบายว่าการตัดสินดังกล่าวเป็นไปตามกฎที่กำหนดไว้

“กฎระบุชัดเจนว่าหากทีมที่ถูกฟาวล์ยังสามารถเล่นต่อเนื่องได้และสร้างโอกาสรุกต่อเนื่อง ผู้เล่นที่ก่อฟาวล์จะไม่ถูกลงโทษย้อนหลัง หากการฟาวล์นั้นไม่รุนแรงจนถึงขั้นใบแดง” พอสเตโคกลูกล่าว

เขายังเสริมว่า ความเข้าใจเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเขา เพราะผู้ตัดสินมักจะชี้แจงแนวทางนี้กับทีมอย่างสม่ำเสมอ “พวกเขาย้ำกับเราทุกสัปดาห์ว่า หากทีมที่ถูกฟาวล์ได้เปรียบและสร้างเกมรุกต่อเนื่อง ผู้เล่นทีมป้องกันจะไม่ถูกลงโทษด้วยใบเหลืองในภายหลัง”

พอสเตโคกลูยังได้พูดถึงวิวัฒนาการของวงการฟุตบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาของเทคโนโลยีวีเออาร์ (VAR) ที่ทำให้การตัดสินเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างมาก “เกมฟุตบอลในประเทศนี้เปลี่ยนแปลงไปเยอะตั้งแต่มีวีเออาร์ มันต่างจาก 50 ปีที่ผมเคยอยู่ในวงการฟุตบอลมากทีเดียว”

ชัยชนะเหนือลิเวอร์พูลในนัดนี้ยังทำให้ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ รักษาสถิติชนะรวดในบ้านในศึกคาราบาว คัพ ซีซั่นนี้ โดยพวกเขาเอาชนะทีมใหญ่ทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และลิเวอร์พูลได้อย่างน่าประทับใจ ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลให้ท็อตแน่มได้เปรียบในรอบรองชนะเลิศ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทีมในยุคการคุมทีมของแอนจ์ พอสเตโคกลู เขาได้พิสูจน์ให้เห็นถึงการจัดการทีมและปรัชญาการเล่นที่สามารถปรับตัวได้กับสถานการณ์ต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับลิเวอร์พูลและแฟนบอล การถกเถียงในประเด็นนี้อาจยังคงดำเนินต่อไป แต่สำหรับพอสเตโคกลูและท็อตแน่ม พวกเขาพร้อมแล้วที่จะมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จในรายการนี้และเกมต่อไปในฤดูกาลนี้

Sportnews654

ดูบอลสด ทุกคู่ทั่วโลกพร้อมกัน ไม่พลาดทุกแมทช์ พร้อมทีมงานวิเคราะห์มืออาชีพ ตลอด 24 ชั่วโมง